ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาดาวหางนีโอไวส์ หรือ C/2020 F3 (NEOWISE) ได้รับความสนใจจากนักดาราศาสตร์และผู้คนบนโลก เนื่องจากปรากฏสว่างเหนือน่านฟ้าหลายประเทศ ต่างพากันติดตามและบันทึกภาพดาวหางดังกล่าวเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก ดาวหางนีโอไวส์ เป็นดาวหางคาบยาว ที่มีหางที่เห็นได้ชัดถึง 2 แฉก โดยจะมีหาง 2 ส่วน หางส่วนบน เรียกว่า "หางไอออน" มีความยาวมากกว่าหางส่วนล่าง แต่จะสว่างน้อยกว่า เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มแก๊สที่อยู่รอบดาวหางแล้วแตกตัวออกเป็นไอออน "หางฝุ่น" ดาวหาง ทั้งนี้ดาวหางนีโอไวส์ หรือ C/2020 F3 (NEOWISE) เป็นดาวหางคาบยาว ดาวหางนีโอไวส์ปรากฏหางฝุ่นและหางไอออนแยกออกจากกันอย่างชัดเจน สำหรับหางไอออนนั้นพบว่าเป็นหางโซเดียม จะสามารถสังเกตเห็นเฉพาะดาวหางที่สว่างมากๆ เท่านั้น เนื่องจากดาวหาง นีโอไวส์ได้รับพลังงานจากลมสุริยะ ส่งผลให้เกิดการเรืองแสงเป็นแนวยาวออกมา หางส่วนล่างจะมีความฟุ้ง สะท้อนรับกับแสงของดวงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี เรียกว่า "หางฝุ่น" ซึ่งเกิดจากอนุภาคฝุ่นที่ฟุ้งกระจายจากนิวเคลียสขณะที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ทำให้ปรากฏเป็นแถบโค้งสว่างไปในทิศทางเดียวกับการโคจร ค้นพบ ดาวหาง นีโอไวส์ ครั้งแรก จากข้อมูลล่าสุดพบว่าโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 6,767 ปี ดาวหางนีโอไวส์ ถูกค้นพบครั้งแรกโดยดาวเทียมขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) เมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศไวส์ (Wide-field Infrared Survey Explorer : WISE) ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์ในช่วงคลื่นอินฟราเรด ในโครงการสำรวจประชากรดาวเคราะห์น้อยและวัตถุใกล้โลก ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 เคลื่อนที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ที่ระยะห่าง 43 ล้านกิโลเมตร และจะเคลื่อนที่เข้าใกล้โลกที่สุด ในวันที่ 19-23 กรกฎาคม 2563 ที่ระยะห่าง 103 ล้านกิโลเมตร แนะนำเวลาชมดาวหาง ดาวหางดวงนี้เห็นได้จากทั่วทุกมุมโลก ในช่วงเวลาก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นและหลังดวงอาทิตย์ตกดิน และวันที่ 19-23 กรกฎาคม 2563 เข้าใกล้ไทย มากที่สุดในรอบเกือบ 7 พันปี สำหรับประเทศไทยก็สามารถสังเกตได้เช่นกัน โดยเฉพาะในเดือน ก.ค.นี้ บางคนสามารถมองเห็นดาวหางนีโอไวส์ได้ด้วยตาเปล่า สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้แนะนำช่วงเวลาในการชมดาวหางมีดังนี้ วันที่ 1-16 กรกฎาคม 2563 สามารถสังเกตเห็นดาวหางนีโอไวส์ ได้ในช่วงเช้ามืด ใกล้เส้นขอบฟ้า ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น วันที่ 18 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป จะสามารถสังเกตดาวหางนีโอไวส์ได้ในช่วงหัวค่ำ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า และความสว่างจะลดลงเรื่อย ๆ วันที่ 20-23 กรกฎาคม 2563 เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์ดาวหางนีโอไวส์ เนื่องจากดาวหางเคลื่อนที่ห่างจากดวงอาทิตย์พอประมาณ แม้เป็นช่วงแสงสนธยาก็มีโอกาสที่จะมองเห็นดาวหางดวงนี้ได้ด้วยตาเปล่า วันที่ 23 กรกฎาคม 2563 เป็นวันที่ดาวหางนีโอไวส์ เข้าใกล้โลกที่สุด หลังจากนั้นความสว่างจะลดลงเรื่อย ๆ จนไม่สามารถสังเกตเห็นได้ สมาคมดาราศาสตร์ไทย แนะดูดาวหาง สมาคมดาราศาสตร์ไทย แนะนำการสังเกตดาวหางนีโอไวส์ ในวันที่ 23 ก.ค. ว่า หากสามารถมองเห็นดาวสว่างในกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้อย่างชัดเจนก็มีโอกาสจะเห็นดาวหางได้ ให้มองหาดาวหางโดยการดูตำแหน่งดาวหางเทียบกับดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เคียง สังเกตได้ว่าดาวหางมีลักษณะแตกต่างจากดาวฤกษ์ ตรงที่หัวดาวหางฝ้ามัว และอาจมองเห็นหางฝุ่นที่สะท้อนแสงอาทิตย์ ส่วนหางแก๊สที่มีสีน้ำเงินจางกว่าหางฝุ่นมาก โดยทั่วไปจะเห็นได้ในภาพถ่ายที่เปิดหน้ากล้องรับแสงเป็นเวลานานเท่านั้น ดูดาวหาง ณ อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ สำหรับชาวไทยที่สนใจชมและถ่ายภาพดาวหางดวงนี้ สามารถติดตามได้ในช่วงวันและเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม 2563 ยังเป็นวันที่ดาวเสาร์โคจรมาใกล้โลกที่สุดในรอบปี สดร. จัดกิจกรรมสังเกตการณ์วงแหวนดาวเสาร์ในคืนใกล้โลกที่สุดในรอบปี 4 จุดสังเกตการณ์ ณ อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หอดูดาวภูมิภาคนครราชสีมา ฉะเชิงเทรา และสงขลาตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมลุ้นชมดาวหางนีโอไวส์ ในวันดังกล่าวด้วย ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.facebook.com/NARITPage Cr.MSN ข่าว,เดลินิวส์,BBC,
0 Comments
|
Reviews byArchives
July 2020
Categories |